เหมาะกับฤดูกาล

รหัส :

ทัวร์ทวีปเอเชีย

3วัน2คืน

เม.ย. / พ.ค. / มิ.ย. / ก.ค. / ส.ค.

อาหาร : มื้อ

MYANMAR AIRLINES

ราคาเริ่มต้น : ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยน

เริ่มต้น 11,900 บาท / ท่าน

ไฮไลท์ทัวร์

3 รายการ โปรแกรมทัวร์

คลิกอ่านโปรแกรม

สถานที่ท่องเที่ยว

รายละเอียดทัวร์

วันที่ 1 กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์-อมรปุระ-สะพานอูเบียน

09.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เข้าประตู 7 เคาน์เตอร์ N สายการบิน เมียนม่าร์แอร์เวย์ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวก
12.35 น. บินตรงสู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน เมียนม่าร์แอร์เวย์เที่ยวบินที่ 8M 338 (บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.55 น. เดินทางถึงสนามบินมันฑะเลย์ หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว
นำท่านเดินทางสู่เมืองอมรปุระ เมืองแห่งผู้เป็นอมตะที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นราชธานีแห่งหนึ่งของพม่าเพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปี พ.ศ. 2400 นำท่านชมสะพานอูเบียน สร้างขึ้นจากไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมานทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ มุ่งตรงไปสู่เจดีย์เจ๊าต่อจีอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ พระเจ้าปุดงโปรดฯ ให้ขุนนางนามว่าอูเบียนเป็นแม่ทัพนายกองงานสร้างสะพานแห่งนี้โดยใช้ไม้สักที่รื้อจากพระราชวัง เก่าแห่งกรุงอังวะ จำนวน 1,208 ต้น ที่สร้างไว้เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร สมควรแก่เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองมัณฑะเลย์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ MANDALAY VICTORIA PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า 3*

วันที่ 2 วันที่สอง มิงกุน-ล่องเรือแม่น้ำอิระวดี-เจดีย์มิงกุน-ระฆังมิงกุน-เจดีย์ชินพิวมิน-พระราชวังมัณฑะเลย์-วัดชเวนันตอ-วัดกุโสดอ-มัณฑะเลย์ฮิลล์

เช้า รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านล่องเรือแม่น้ำอิระวดีสู่เมืองมิงกุน ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิระวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ” เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอน ครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
นำท่านนั่งรถสามล้อเที่ยวชมเจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจรลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอังกฤษ-พม่าอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุดอย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
และไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่ออุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คนและนำท่านชมเจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิสมควรแก่เวลาล่องเรือกลับตามเส้นทางเดิม
บ่าย รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่พระราชวังหลวงมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) โดยพระเจ้ามินดง สร้างขึ้นตามผังภูมิจักรวาลแบบพราหมณ์ปนพุทธ โดยสมมุติว่าเป็นจุดศูนย์กลางของโลก (เขาพระสุเมรุ) เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ทิศ ใจกลางพระราชวังเป็นห้องพระมหาปราสาท ยอดปราสาทหุ้มด้วยแผ่นทองซ้อนกัน 7 ชั้น สูง 78 เมตร รอยอดีตสุดท้ายก่อนพม่าเสียเมืองให้แก่อังกฤษ
และเที่ยวชมวัดชเวนันตอ (Shwenuntow Temple) เคยตั้งอยู่ในเขตพระราชวังหลวง สร้างขึ้นในของสมัยพระเจ้ามินดงด้วยไม้สักทองชั้นดี แกะสลักศิลปะช่างมัณฑะเลย์แบบเก่าที่มีเอกลักษณ์หลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น พร้อมปิดทองสุกสว่างทั้งหลัง แต่ต่อมาได้ถูกยกให้เป็นสำนักสงฆ์ แม้ว่าสีเหลืองอร่ามของทองคำจะจืดจางลงไปตามกาลเวลา แต่ภายในตัววัดด้านในก็ยังปรากฏสีทองสุกสว่างให้ได้ชม นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังถือเป็นพระราชวังเก่าของพม่าที่มีลักษณะสมบูรณ์สวยงามที่สุดอีกด้วย หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าตี่ป่อก็ได้โปรดให้ทรงย้ายมาตั้งไว้ยังที่ปัจจุบัน และยังเคยเป็นที่ประทับนั่งสมาธิของพระเจ้ามินดงพระราชบิดาของพระเจ้าตี่ป่อ และสิ้นพระชนม์ชีพที่วิหารแห่งนี้ และนำท่านไปชมกรรมวิธีในการทำทอง เครื่องเงิน และงานหัตถกรรมต่างๆของชาวพม่า สามารถเลือกซื้อเครื่องประดับเงิน และทองได้ที่ช้อปแห่งนี้
นำท่านชมวัดกุโสดอ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครั้งที่ 5 มีแผ่นศิลาจารึกพระไตรปิฎกทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ และหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่าเป็นพระไตรปิฎกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และเดินทางสู่ยอดเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่บนยอดเขา ณ จุดนี้ท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์ เกือบทั้งเมือง ให้ท่านบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ MANDALAY VICTORIA PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า 3*

วันที่ 3 วัดพระมหามัยมุนี-มัณฑะเลย์-กรุงเทพฯ

04.00 น. นำท่านเดินทางสู่วัดมหามัยมุนี (Mahamaimuni Temple) ซึ่งแปลว่า วัดปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ วัดมหามัยมุนีอยู่ห่างจากใจกลางเมืองลงมาทางใต้ราว 3 กิโลเมตร บนถนนที่ตัดตรงไปสู่อมรปุระ สร้างขึ้นในปี 1784 โดยพระเจ้าโบ่ต่อพญา แต่ร้อยปีให้หลังนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้ต้องสร้างซ้ำขึ้นใหม่
นำท่านร่วมพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี และกราบนมัสการพระมหามัยมุนี ***สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 แห่งของพม่า*** เล่ากันว่าถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ.689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9 ฟุต ในปี พ.ศ.2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนีหรือวัดยะไข่ (วัดอาระกันหรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามุนีและในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้าสีปอ ก่อนจะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำ จึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้น้ำหนักถึง 700 บาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่า โดยรอบๆ ระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 จากนั้นกลับโรงแรมที่พัก
เช้า รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินมัณฑะเลย์
09.15 น. ออกเดินทางกลับ โดยสายการเมียนม่าร์แอร์เวย์เที่ยวบินที่ 8M 337
11.35 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ใช้บริการ
เงื่อนไขการเข้าหรือออกประเทศไทยและประเทศปลายทาง อาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตราการณ์ของภาครัฐทั้ง 2 ประเทศ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม กรณีมีคำสั่งหรือประกาศเงื่อนไขเพิ่มเติมของทางภาครัฐ

รายละเอียดที่พัก

ตารางราคาและรายละเอียดอื่น ๆ

แกลลอรี่ภาพ