ตั้งอยู่บนชายฝั่งยุโรปของบอสพอรัส Bosphorus ในเขตเบซิคตัส Beşiktaş ของนครอีสตันบูล, ประเทศทูร์เคีย โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐทูร์เคีย the Republic of Türkiye หรือที่เรารู้จักในชื่อเดิม ประเทศตุรกี Turkey พระราชวังถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1843 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1856
โดยสุลต่านอับดุล เมจิดที่ 1 (Sultan Abdülmecid I, ค.ศ. 1839 – ค.ศ. 1861) ได้ตัดสินใจที่จะสร้างพระราชวังสมัยใหม่ ใกล้บริเวณของอดีตพระราชวังเบซิคตัสซาฮิล (Beşiktaş Sahil Palace) ซึ่งถูกทำลายไปแล้ว และเพื่อแทนที่พระราชวังโทพคาปี Topkapi Palace ซึ่งล้าสมัย และไม่มีความสะดวกสบาย เมื่อเทียบกับพระราชวังในยุโรปในยุคนั้น พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace) ทำหน้าที่เป็นพระราชวังหลัก และศูนย์กลางการปกครอง ของจักรวรรดิออตโตมัน ให้กับสุลต่านถึง 6 รัชสมัย
ต่อมาในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1924 พระราชวังถูกโอนกรรมสิทธิ์ ให้เป็นมรดกแห่งชาติ ของสาธารณรัฐตุรกีใหม่ โดยมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk) ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรก ของสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งพระราชวังถูกใช้เป็น ที่พำนักของประธานาธิบดี ในช่วงฤดูร้อน และเขาเสียชีวิตด้วยอาการป่วย ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1938 ที่พระราชวังแห่งนี้
ต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1926 – ค.ศ. 1984 ในบางส่วนของพระราชวัง ถูกเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยว ให้สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ และถูกเปิดให้บริการเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวัง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 เป็นต้นมา พระราชวังถูกออกแบบ ด้วยองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม แบบผสมผสานกันของสไตล์บาร็อค (Baroque), โรโกโก (Rococo), นีโอคลาสสิก (Neoclassical) และออตโตมันแบบดั้งเดิม สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรม และศิลปะยุโรป ที่มีผลต่ออาณาจักรออตโตมันในช่วงเวลานั้น
โดยเฉพาะเพดาน ซึ่งถูกปิดด้วยทองหลายสิบตัน และห้องโถงพิธี ที่ถูกประดับด้วยโคมระย้าคริสตัลที่เรียกว่า โบฮีเมียน (Bohemian) ซึ่งเป็นโคมระย้าคริสตัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และหินที่มีราคาแพงและมีชื่อเสียง ถูกนำมาใช้ในการตกแต่ง โดยเป็นหินที่ผลิตในออตโตมัน ได้แก่ หินอ่อนสีขาวจากเกาะมาร์มาร่า (Marmara Marble) และหินอัคนีสีเข้มจากเมืองเพอร์กามอน (Pergamon Porphyry) รวมไปถึงหินอ่อนซึ่งนำมาจากอียิปต์ ได้แก่ หินอ่อนโอนิกซ์ (Egyptian Alabaster หรือ Calcite หรือที่เรียกว่า Onyx Marble)
นอกจากนี้พระราชวังนี้ มีพรมจำนวนมาก ซึ่งผลิตโดยโรงงานเฮเรเคอิมพีเรียล (Hereke Imperial) และยังมีพรมเชดเท้าอายุกว่า 150 ปี ซึ่งได้รับเป็นของขวัญจากพระจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 (Tsar Nicholas I) อีกด้วย ภาพวาดสีน้ำมันที่ถูกนำมาประดับประดานั้น เป็นผลงานภาพเขียนโดย อีวานไอวาซอฟสกี (Ivan Aivazovsky) ที่ถูกวาดขึ้น ในขณะที่เขาทำงานเป็น จิตรกรของศาล นอกจากนี้ยังมีภาพวาดของ จิตรกรที่มีชื่อเสียง ทั้งจิตรกรชาวตุรกีและชาวต่างชาติ รวมแล้วจำนวนกว่า 200 ภาพและถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่ พิพิธภัณฑ์จิตรกรรมพระราชวังแห่งชาติ (Nation Palace Painting Museum) ซึ่งอยู่ในบริเวณของพระราชวังแห่งนี้