หอเอนปิซ่า ( Leaning Tower of Pisa) , อิตาลี

หอเอนเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) เป็นหอระฆั […]แบบนี้ต้องแชร์

หอเอนเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) เป็นหอระฆังสูงใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ซึ่งตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo เมืองปิซา เป็นหอระฆังที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความเอนเอียงของหอระฆังซึ่งยอดของหอระฆังนั้นห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นไปประมาณ 3.9 เมตรเลยทีเดียว

หอเอนเมืองปิซา หรือที่มีชื่อเป็นภาษาอิตาลีว่า Torre Pendente di Pisa ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo เมืองปิซานั้น ได้เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1173 แต่เนื่องจากพื้นดินใต้บริเวณพื้นที่ของหอระฆังนั้นเป็นพื้นดินที่นิ่มจนทำให้ยุบตัวลงไปในช่วงของการก่อสร้างชั้นที่ 3 ทำให้การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงไป  จนต่อมาในปี ค.ศ. 1272 สถาปนิกจีโอแวนนี่ ดี สิโมน ได้ดำเนินการสร้างต่อโดยได้มีการสร้างให้หอระฆังรั้นเอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อทำให้เกิดความสมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ก็ต้องมีเหตุให้หยุดชะงักลงอึกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม จนถึงปี ค.ศ. 1319 จึงได้มีการก่อสร้างต่ออีกครั้งและได้สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1372 รวมระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งสิ้น 177 ปี  โดยสร้างเป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก  รูปทรงกระบอกมีทั้งหมด 8 ชั้น  สูง 55.58 เมตร มีบันไดประมาณ 293 ขั้น โครงสร้างโดยรวมทำจากหินอ่อนสีขาวสวยงาม  มีความโดดเด่นด้วยความเอียงจากพื้นประมาณ 3.97 องศา โดยบริเวณยอดของหอระฆังห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นประมาณ 3.9 เมตร

แม้จะสร้างแล้วเสร็จแล้ว Leaning Tower of Pisa ก็ยังเอนลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 1934 นั้น เบนิโต มุสโสลินี ได้เทคอนกรีตลงไปที่ฐานเนื่องด้วยพยายามจะให้หอระฆังกลับมาตั้งฉากเหมือนเดิม แต่นั่นกลับยิ่งทำให้หอระฆังยิ่งเอียงมากขึ้นไปกว่าเดิม จากเหตุผลนี้เองทำให้กองทัพของสหรัฐ ตัดสินใจที่ไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนปิซา  ต่อมาในปี ค.ศ. รัฐบาลอิตาลี  ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักคณิตศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ และวิศวกรมากมายมาช่วยพยายามทำให้หอเอนปิซากลับมาตั้งฉากเหมือนเดิม ซึ่งในครั้งนั้นต้องใช้เหล็กค้ำเพื่อไม่ให้หอล้มลงมารวมแล้วมากถึง 800 ตันเลยทีเดียว  การก่อสร้างครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1990 ที่หอเอนปิซาได้ถูกปิดตัวลงและไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยมชม จากนั้นได้ขุดดินอีกด้านออกเพื่อให้บริเวณหอระฆังเกิดความสมดุล และเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี 2001 โดยได้ประกาศว่าหอเอนปิซาแห่งนี้สมดุลแล้ว

เนื่องด้วยความโดดเด่นของการเอนเอียงของหอเอนปิซาอันเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้ในปี ค.ศ. 1987  หอเอนปิซาได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza dei Miracoli นอกจากนั้นแล้วหอเอนปิซายังถูกจัดให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ขอโลกในยุคกลางอีกด้วย  ความน่าสนใจอีกอย่างของหอเอนปิซาแห่งนี้คือการมาตามรอยกาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก  เนื่องจากหอระฆังแห่งนี้นั้นเคยเป็นสถานที่ที่กาลิเลโอใช้ในการทดสอบเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งในขณะนั้นเขาเรียนอยู่ที่มหาลัยปิซา โดยการทดลองนั้นทำโดยการใช้ลูกบอล 2 ลูกที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมาเพื่อพิสูจน์สมมุติฐานเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งบอล 2 ลูกนั้นก็ได้ตกลงถึงพื้นพร้อมกันตามที่กาลิเลโอคาดการณ์ไว้นั่นเอง

แกลลอรี่ภาพ